VoyForums
[ Show ]
Support VoyForums
[ Shrink ]
VoyForums Announcement: Programming and providing support for this service has been a labor of love since 1997. We are one of the few services online who values our users' privacy, and have never sold your information. We have even fought hard to defend your privacy in legal cases; however, we've done it with almost no financial support -- paying out of pocket to continue providing the service. Due to the issues imposed on us by advertisers, we also stopped hosting most ads on the forums many years ago. We hope you appreciate our efforts.

Show your support by donating any amount. (Note: We are still technically a for-profit company, so your contribution is not tax-deductible.) PayPal Acct: Feedback:

Donate to VoyForums (PayPal):

Login ] [ Main index ] [ Post a new message ] [ Search | Check update time | Archives: 1[2]34 ]


[ Next Thread | Previous Thread | Next Message | Previous Message ]

Date Posted: 06:19:16 07/22/02 Mon
Author: bkknews
Subject: สาวงาม..สาวมงกุฎ

บนเวทีขาอ่อนของสองค่าย

เวทีประกวดความงามและเรือนร่างของหญิงไทยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เร้าใจมากขึ้น นับแต่สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย แยกทางกับช่อง 7 สี ไปจับมือกับไอทีวีจัดประกวด "นางสาวไทย" แทน โดยชูคอนเซ็ปท์ที่ไม่ต้องการให้ผู้หญิงเป็นสินค้า แต่ต้องการเฟ้นหานางสาวไทยที่จะเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ในขณะที่ ช่อง 7 ผู้มีประสบการณ์จัดการประกวดมากว่า 30 ปี ยังคงเดินหน้าจัดประกวดสาวงามต่อไป โดยใช้ชื่อ "นางสาวไทยจักรวาล" หรือ "มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส" ซึ่งมีเป้าหมายส่งผู้ชนะเลิศเข้าประกวดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส

และนี่คือ จุดขายสำคัญที่ทำให้ช่อง 7 สี ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนในการส่งสาวงามไปประกวดนางงามจักรวาลหรือมิสยูนิเวิร์สเพียงผู้เดียวในประเทศไทย

""ผมคิดว่า คงเป็นเรื่องที่สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธ หรือช่อง 7 ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่า อีกฝ่ายหนึ่งได้ผลประโยชน์มากกว่า ก็เลยแยกตัว จึงเป็นโอกาสให้ไอทีวีเข้ามาสวมแหวนหมั้นกับสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ มาร่วมกันทำการค้าความงามในนามทูตวัฒนธรรมไทย""

ประเสริฐ เจิมจุติธรรม ผู้เขียน "สาวงามสาวมงกุฎ" เล่าถึงจุดเปลี่ยนแปลงในยุคนางงามแบ่งค่ายประกวด และว่า ต่อไปโอกาสที่หญิงสาวที่เป็นชาวบ้านตลาดร้านช่องมาประกวดจะน้อยลง อย่างไอทีวีตอนนี้ จะพิจารณาคนที่มาประกวดโดยมองไปไกลถึงชาติตระกูล พี่น้องเป็นใคร การศึกษาระดับไหน สถาบันใด ไม่ใช่แค่เป็นผู้หญิงแล้วมาประกวดได้

""เหมือนเขาจะมองลึกไปถึงว่า ใครที่ได้ตำแหน่งนางสาวไทย จะต้องยกระดับตำแหน่ง "นางสาวไทย" ไม่ใช่ดึงคำว่านางสาวไทยให้ลงต่ำ!""

ไม่เชื่อลองเปรียบเทียบคุณสมบัติของนางงามทั้งสองเวทีดู ปีที่สองนางสาวไทยจักรวาลช่อง 7 ก็เป็นนุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ส่วนนางสาวไทยช่องไอทีวี คืออ้วน วรินทร ผดุงวถี ก็ไม่ได้ห่างกัน นุ้ยมีความน่ารัก เรียนธรรมศาสตร์ อ้วนเรียนปริญญาโท พอมาปีล่าสุด นางสาวไทยไอทีวี คือหน่อย ปฏิพร สิทธิพงศ์ ก็เรียนจบจากเมืองนอก ขณะที่ ลูกจัน จันจิรา จันทร์โฉม สาวพิษณุโลกนั้นสวยจัด การศึกษาก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คือแต่ละปีสูสีกันมาก

ประเสริฐยังย้อนรอยภาพเก่าของนางสาวไทย ที่แต่งชุดไทยรัดกุมให้ฟังต่อมาว่า เดิมสมัยก่อนยุคแรกๆ ไม่มีการใส่ชุดว่ายน้ำ มาระยะหลังเริ่มโป๊ขึ้นจนถูกโจมตีมาก เพราะเอาภาพลักษณ์ผู้หญิงมานุ่งน้อยห่มน้อย เป็นภาพลักษณ์ที่แย่มาก ดังที่คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา เคยเขียนบทกวี "อหังการ์ของดอกไม้" ที่ขึ้นว่า ""สตรีมีสองมือ มั่นยึดถือเป็นแก่นสาร เกลียวเอ็นจักเป็นงาน มิใช่ร่านหลงแพรพรรณฯ..""

""จิระนันท์บอกว่า ผู้หญิงมีศักยภาพอย่างอื่นมากกว่าที่จะมานุ่งน้อยห่มน้อย เป็นวัตถุทางเพศ ให้ผู้ชายมามอง มาตัดสิน ทำไมต้องเป็นแบบนั้น""

อย่างไรก็ตาม ประเสริฐบอกว่า ภาพลักษณ์นางสาวไทยช่วงนั้นลบมาก แม้ไม่ถึงกับศูนย์ แต่เทียบไม่ได้เลยกับสมัยแรกๆ ราวๆ พ.ศ.2477 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นยุคที่นางสาวไทยมีภาพพจน์ที่ดีมาก การแต่งกายเป็นการแต่งสไบเฉียง หรือชุดไทยตามสมัยนิยม

มาจนถึงปี 2493 มีการใส่ชุดว่ายน้ำเป็นครั้งแรก เนื่องจากไปเลียนแบบต่างประเทศ แต่ชุดว่ายน้ำสมัยนั้นก็ยังไม่น่าเกลียดอะไร เป็นกระโปรงสั้น ทำด้วยผ้าไหม ผ้าต่วนแล้วปักลายลงไป มีกางเกงชั้นในอยู่ข้างใน เพื่อที่ว่าเวลาช่างกล้องที่อยู่ข้างล่างถ่ายรูปขึ้นไป ก็จะไม่เห็นภาพอุจาดตา แต่ปีหลังๆ ชุดว่ายน้ำก็หดสั้นไปเรื่อยๆ

มาจนถึงหลังจากเหตุการณ์นองเลือด 14 ตุลา 16 สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ได้งดประกวดนางสาวไทยไปนานถึง 12 ปี ก่อนจะกลับมาใหม่อีกครั้งในปี 2527 โดยจับมือกับช่อง 7 สี กระทั่งมาแยกจากกันเมื่อปี 2542 แล้วไปจับมือกับไอทีวีจัดประกวดนางสาวไทย ใช้ภาพลักษณ์ย้อนยุค เน้นการแต่งกายชุดไทยประจำภาค จากเดิมที่เคยหดสั้นขึ้นจนกลายเป็นชุดว่ายน้ำ ก็กลับมาการแต่งกายที่ปกปิดมากขึ้น

""จริงๆ แล้วชุดว่ายน้ำมีผลกับการประกวด เพราะเขาต้องดูผิวพรรณ ดูรูปร่าง สัดส่วน เพราะชุดว่ายน้ำบอกหมดเลย บอกว่าใครมีหน้าท้อง ใครมีไขมัน ใครมีกล้ามเนื้อที่ดูสวย สมัยนี้ ชุดว่ายน้ำในการประกวดมิสยูนิเวิร์สแทบไม่มีใครใส่วันพีซแล้ว จะเป็นทูพีซหมดเลย อย่างคุณอ้วน วรินทร ผดุงวถี นางสาวไทยจักรวาลปี 2544 เป็นคนแรกที่กล้าใส่ทูพีซบนเวทีประกวดนางงาม แล้วคุณอ้วนก็ได้คะแนนชุดว่ายน้ำเป็นลำดับที่ 5 ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส""

ประเสริฐยังได้พูดถึงสาวงามจาก 2 ค่ายประกวดดังกล่าวว่า นางสาวไทยไอทีวีปีนี้ ได้เด็กที่มีการศึกษาสูง จบจากเมืองนอก มีชาติตระกูลที่ดี ส่วนมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สของช่อง 7 ก็ได้เด็กน่ารัก มีความสวยประมาณหนึ่ง เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

""ผมยังมองว่า แนวโน้มต่อจากนี้ไปนักศึกษาจะเข้ามาประกวดกันมากขึ้น เด็กที่มีการศึกษาน้อยๆ พวกน้องนางบ้านนา โอกาสจะริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ นี่คือข้อเสียอย่างหนึ่ง เพราะมาตรฐานการตัดสินสูงขึ้น อย่างไอทีวีเอาทั้งอีคิว ไอคิว เด็กต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกลความเจริญจะไม่ค่อยกล้าเข้ามาประกวด เพราะเขาจะมองที่ชาติตระกูลเป็นหลัก""

ต่อประเด็นความแตกต่างของปลายทางมงกุฎ ขณะที่ ช่อง 7 มีสัญญาการส่งประกวดยูนิเวิร์ส แต่ไอทีวีไม่มี ประเสริฐมองว่า นั่นไม่ใช่จุดอ่อนของไอทีวี แต่ความเป็นจริงกลายเป็นว่า นางสาวไทยจักรวาลของช่อง 7 ไปประกวดต่ออีกแค่เวทีเดียว ในขณะที่ของนาวสาวไทยไอทีวี อย่างปีที่แล้วน้องนุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ กลับเป็นทูตวัฒนธรรมให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยถึง 7 ประเทศ

""นั่นคือ จุดขายใหม่ของไอทีวี ที่จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ในขณะที่ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สประกวดเวทีไทยแล้วไปเวทีมิสยูนิเวิร์สก็จบ""

ประเสริฐ วิเคราะห์อีกว่า การที่ไอทีวีซึ่งเป็นธุรกิจในกลุ่มสื่อ และช่อง 7 สีก็เป็นสื่อเช่นกัน แต่เหตุที่นางงามของ 2 เวทีนี้ กลับมีความสามารถในการแสวงหาโอกาสต่อเนื่อง ภายหลังจากการประกวดแล้วแตกต่างกัน ทั้งนี้เพราะ ไอทีวีเป็นสถานีใหม่ บุคลากรยังมีไม่มาก ผู้เข้าประกวดในเวทีนางสาวไทยจะได้รับการเลือกให้ปฏิบัติภารกิจมาก ไม่ว่าจะเป็น ระดับนางสาวไทยหรือระดับรองๆ ที่ติด 1 ใน 10 ของ 3 ปีที่ผ่านมา ก็มีงานเข้ามาตลอด ถูกจองไปเล่นละครทีวีบ้าง เป็นพิธีกรบ้าง

ในขณะที่เวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ทางช่อง 7 เป็นสถานีที่อยู่คู่กับประเทศมายาวนานมาก มีบุคลากรมาก ดังนั้นบางคนจะถูกละเลย อย่างเช่น อ้วน วรินทร หรือเหน่ง กุลธิดา เย็นประเสริฐซึ่งเป็นมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สคนแรก กลับไม่มีผลงานอะไรออกมา เหมือนกับว่าช่อง 7 ประกวดแล้วก็จบกัน คือจัดแล้วขายโฆษณาได้แล้ว พอจบก็ปิดจ๊อบ ปีหน้าก็มาจัดใหม่ ส่งผลให้นางงามต้องแสวงหาโอกาสเอง

อย่างไรก็ตาม บทบาทการประกวดขาอ่อนของช่อง 7 ก็คงจัดไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ผลประโยชน์ ซึ่งในช่วงหลังเวทีประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ดูคึกคัก สนุกสนานร่าเริงกว่าการประกวดนางสาวไทยซึ่งหลายคนบอกว่า เบื่อและยืดยาด ทั้งๆ ที่ของช่อง 7 เดินแบบไม่หยุดแล้วให้ถ่ายรูป คือก๊อปปี้มาจากเมืองนอกเลย ยิ่งปีล่าสุดให้อดีตนางงามจักรวาลมาสวมมงกุฎให้กับนางงามคนใหม่ ไม่ใช่ให้คุณหญิงคุณนายมาสวมมงกุฎ ในขณะที่นางสาวไทยทางไอทีวียังเป็นรูปแบบเดิม

อย่างปีล่าสุด นางสาวไทยของไอทีวี ก็ออกมาประกาศว่าใช้เงินถึง 45 ล้านบาทในการดำเนินงาน สำหรับรายได้ของนางสาวไทยปีนี้ได้ถึง 4 ล้านบาทรวมของรางวัลทั้งหมด และของนางสาวไทยจักรวาลช่อง 7 สี ก็อยู่ที่หลักล้านแต่น้อยกว่า

เวทีสองเวทีนี้ ประเสริฐมองว่า ต่อไปจะเข้มข้นมากขึ้น

[ Next Thread | Previous Thread | Next Message | Previous Message ]


Replies:



Post a message:
This forum requires an account to post.
[ Create Account ]
[ Login ]

Forum timezone: GMT-8
VF Version: 3.00b, ConfDB:
Before posting please read our privacy policy.
VoyForums(tm) is a Free Service from Voyager Info-Systems.
Copyright © 1998-2019 Voyager Info-Systems. All Rights Reserved.